ปลายเดือนมกราคม ยังคงอากาศหนาวเย็น เราเดินทางออกจากบ้านสายแล้ว แวะหากาแฟกินที่จอมทอง ก่อนขึ้น “ดอยอินทนนท์” จุดมุ่งหมาย กิ่วแม่ปาน “สถานีวิจัยโครงการหลวงดอยอินทนนท์”

คำว่า “กิ่ว” เป็นภาษาเหนือที่แปลว่า ส่วนที่แคบๆส่วน “แม่ปาน” เป็นชื่อสถานที่ ที่นี่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,200 เมตร ใครจะไปกิ่วแม่ปาน เตรียมร่างกายสำหรับการเดินเท้า 3 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 ชั่วโมง

ไกด์ถิ่น สาวสวยอาสา นำทาง ในการเดินครั้งนี้ ที่นี่เปิดตั้งแต่เวลา 6 โมง เช้า ไกด์คนสวย คิดค่านำทาง 200 บาท เราเดินเรื่อยๆ มีดอกไม้ป่าตลอดทาง จนถึงส่วนที่เรียกว่า “ป่าเมฆ” มีเมฆปกคลุมตลอดทั้งปี บรรยากาศครึ้ม มีแสงแดดรำไร ที่นี่มอสส์และเฟิรน์ เยอะมาก

เพราะเป็นจุดที่เรียกว่า เฟิร์นยุคโบราณ ป่ามีต้นไม้หนาแน่นแดดรำไร วันที่เรามาถึงอากาศเริ่มแล้งเฟิร์น ใบเหี่ยว จะฟื้นเขียวอีกทีเมื่อได้ละอองหมอก ป่าทึบนี้เรียกว่าจุด ป่าเมฆ ป่าคลุมด้วยเมฆหมอกหนาวชื้น ลมแรง เฟิร์นมอสก็เลยชอบ

เสียงน้ำไหลซ่าดังมาแต่ไกล เลยตั้งเป็นจุดมุ่งหมายว่าจะไปพักตรงที่มาของเสียงน้ำ ยิ่งเดินเสียงก็ยิ่งดัง และในที่สุดก็มาถึงน้ำตกเล็กๆ อันแสนชื่นใจ ละอองน้ำตกกระเซ็น หายเหนื่อยเลย นี่ไง สวยไหมคะ น้ำตก ลานเสด็จ พักจนหายเหนื่อย ถ่ายรูปกันจนหนำใจ เดินทางต่อกันค่ะ

น้ำตก ลานเสด็จ

ที่นี่ยังเป็นเขตของป่าเมฆ มีไม้ยืนต้นเยอะมากเป็นต้นไม้ของเมืองหนาวค่ะ ที่เห็นๆ จะมี ต้นก่อ ต้นทะโล้ ต้นหว่าอ่างกา มีไม้ใหญ่หักโค่นเป็นระยะ เป็นเพราะไม้พวกนี้ไม่มีรากแก้วนั้นเอง พอ ต้นหนึ่งล้ม ต้นหนึ่งก็เริ่มเติบโตงอกงามตามแสงแดที่ส่องลงพื้นดิน แล้วพวกเถาวัลย์ก็จะเจริญเติบโต แข็งแรงขึ้น

โผล่พ้นจากชายป่า…โอ้โห…นี่อยู่ในต่างประเทศหรืออย่างไร เจอกับลานหญ้ากว้างใหญ่ มีดอกไม้และทุ่งหญ้าปนไม้ล้มลุกหลายชนิด มีไม้พุ่มขนาดเล็ก บรรยากาศเย็นสบาย สูง 2,000-2,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล เรียกทุ่งหญ้าแสนสวยนี้ว่า “ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์”

บริเวณเดียวกัน ได้มีการกั้นเพื่อกันคนเดินเข้าไปในทุ่งหญ้าด้วยซี่ไม้ไผ่ ที่เก๋และสวยงาม บริเวณเดียวกันแต่เพิ่มระดับความสูงอีกนิดก่อนจะถึงจุดชมวิว มี กู๊ดเกี๊ยะ เฟิร์นทนไฟ ใบหนาแข็ง หากโดนไฟไหม้ ก็จะงอกขึ้นใหม่อีกครั้งได้เพราะมีลำต้นในดิน

และแล้วก็มาถึง จุดชมทิวทัศน์ในเวลา บ่ายโมงเศษๆ พื้นที่โล่ง มีระเบียงยื่นออก วันนี้มีทะเลหมอกให้ชมเป็นรางวัลของการเดินป่าในวันนี้ ท้องฟ้าเปิดเห็นหมู่บ้านลิบๆ อยู่ข้างๆ ไกด์บอกว่า เป็นพื้นที่อำเภอแม่แจ่มที่  ระเบียงตรงนี้ห้ามยืนหรือนั่ง บริเวณรั้ว นะคะ เดี๋ยวพลัดตกลงไปจะลำบาก

ใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอสมควรในการชมทะเลหมอก ที่ครึ้ม บางเบา  ลอยผ่านมือไป อย่างเย็นยะเยือกสามารถไล่จับหมอกได้เลยค่ะ

เดินหน้ากันต่อค่ะอยากเห็นกุหลาบพันปีแล้ว ทางเดินแคบนิดหนึ่ง จนมาถึง ถิ่นของกวางผา ที่นี่มีหินผาเยอะพอที่จะทำให้กวางผาปลอดภัยได้ ใจจริงอยากเห็นกวางผาวิ่งเล่นในทุ่งหญ้าบนภูเขา แต่คงเป็นไปได้ยากเพราะ ใกล้สูญพันธ์เต็มทีแล้ว

และแล้วก็มาหาหัวใจจนเจอ มองไปข้างล่างผา จะเห็นหินแกรนิตผ่านกาลเวลาพิสูจน์รักถึง  สองร้อยล้านปี หินดันตัวตัดผ่าหินไนส์ที่มีอายุกว่า 500 ล้านปี กลายเป็นหินรูปหัวใจ ที่เป็นสัญลักษณ์ของกิ่วแม่ปาน หาจุดดีๆยืนชมวิวสวยๆมองหัวใจ ของตัวเอง และถามคนข้างๆว่า ลำบากเดินกันมาถึงขนาดนี้ จนได้มาเจอหัวใจ อย่าได้ทิ้งกันง่ายๆ นะเฟร้ยย  หินรูปหัวใจหรือที่เรียกกันว่าผาแง่มน้อยมาพิสูจน์หัวใจ ของคู่รัก กันได้ที่นี่ ทุกวันเวลา

หัวใจดวงน้อยใต้พุ่มไม้ระหว่างหินสองแท่ง 

ทางเดินแคบลงทุกที จนมาถึงจุดที่แคบที่สุดของเขาแห่งนี้ ด้านหนึ่งเป็นเหวที่มีต้นไม้ปกคลุม อีกด้านมีทิวเขาเรียงรายให้ชื่นใจในทุ่งหญ้า  และนี่คือกิ่วแม่ปาน หรือป่าสองมุมบนสันเขา “กิ่ว” ภาษาเหนือแปลว่าแคบ “กิ่วแม่ปาน” เป็นพื้นที่บนสันเขาส่วนที่แคบที่สุด ลาดเขาสองด้านเป็นป่าต่างชนิดกัน ฝั่งด้านนอกโดนแดดส่อง และลมปะทะแรงจะมีแต่ต้นไม้ขนาดเล็ก ส่วนฝั่งด้านในเป็นป่าชุ่มชื้น

จากกิ่วแม่ปาน มองไปข้างหน้า จะมองเห็น เวิ้งเขาที่มีดอกสีแดงผุดขึ้นให้เห็นไกลๆ ใกล้ถึงแล้วซินะ ทุ่งกุหลาบพันปี

กุหลาบพันปี ชอบอากาศหนาวเย็น ใบเป็นแผ่น เหนียวหนา ลดการคายน้ำ กิ่งโปร่งลมผ่านสะดวกต้านลมแรงได้ ดอกสีแดงเข้มสวยงาม จุดนี้เป็นจุดที่พบดอกกุหลาบพันธ์ปีเยอะที่สุด แม้แต่ต้นเตี้ยๆ ข้างทางยังออกดอกให้เราได้เชยชม ถ้าตั้งใจมาดูดอกกุหลาบพันปี แนะนำให้มาช่วงหน้าหนาวของเชียงใหม่นะค เริ่มบาน ประมาณเดือนธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์ ก็พอมีให้เห็น มีนาคมเริ่มจะบางเบาแล้วค่ะ

ดอยอินทนนท์อากาศ  แตกต่างกันนะคะ เชิงเขาด้านล่างจะร้อนชื้น แต่ยอดดอยอากาศหนาว ลมพัดแรง เดินมาสักพักจะเห็น สภาพต้นไม้ ป่าไม้ ที่สภาพแวดล้อมต่างกัน ป่าร้อนจะมีพันธุ์ไม้ใบกว้าง ชอบแดดจัด ทนแล้ง ส่วนใหญ่จะอยู่ซ้ายมือ ของการเดิน ส่วนป่าหนาวจะเป็นพันธุ์ไม้พุ่มเตี้ย ใบมัน และส่วนใหญ่จะอยู่ด้านขวามือ ซึ่งเป็นเขาลาดชัน

จุดที่สำคัญอีกจุดหนึ่ง คือจุดชมวิวด้านหลัง ของ พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ 

ครานี้ก็จะถึงเวลาเดินกลับ ซึ่งคงอีกไม่ไกลนักละค่ะ สายน้ำห้วย ทำให้อากาศสบายๆ ไม่เหนื่อยมากนักมอสที่นี่เยอะจริงๆค่ะ  ที่ไหนใกล้น้ำต้นไม้ก็จะมีมอสขึ้นตามโคนต้น

น้องไกด์ อธิบายถึงป่าที่ล้มตามรายทางว่า ตรงนี้เป็นป่าไม้สองรุ่น คือในป่ารุ่นหนึ่ง จะมีไม้หลายชนิด มีอายุ และความสูงไม่เท่ากัน บ่งบอกได้ว่าป่านี้ในอดีตเคยโค่นล้มจากพายุ แล้วมีต้นไม้รุ่นใหม่เกิดพร้อมกันจึงโตและสูง พอๆกัน

เดินมาใกล้จุดเริ่มต้นแล้วแน่ๆเลย มีพื้นที่คล้ายแบบระบียงไม้ให้ขึ้นไปนั่งพักเหนื่อย อ่านข้อความที่เขาเขียนไว้บอกว่า  ลองหยุดนิ่งแล้วหลับตา จะได้ยินเสียงใบไม้หล่น เสียงลมพัด เสียงสายน้ำ นกร้อง เปรียบเสมือนวงดนตรีวงใหญ่ นั่นคือเสียงของ ป่า เออ จริงๆนะ เสียงพวกนี้หาฟังไม่ได้ง่ายๆ หากไม่ได้เดินเข้าป่าจริงๆ

และก็วนลงมาถึงจุด ที่เราเดินขึ้นปือีกครั้ง เซนต์ชื่อออกจากป่า หิวโซลงมาเลยค่ะ  น้ำ ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว อร่อยสุดๆ เลยค่ะ

การเข้าชม

เวลาทำการ :      ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.00-16.00 น.ช่วงเวลาเที่ยว :   เดือนธันวาคม – มกราคม ในช่วงเดือนมิถุนายน – ตุลาคม เส้นทางปิดปรับปรุง งดให้บริการเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัว

ค่าธรรมเนียมอุทยานฯ

ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท

ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท

เจ้าหน้าที่นำทางในเส้นทางกิ่วแม่ปาน 200 บาท ต่อหนึ่งกลุ่ม (ไม่เกิน 10 คน)

ที่ตั้ง – ติดต่ออุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

ที่อยู่ : ตู้ ป.ณ.2 ม.7 ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ 50160

เบอร์โทรศัพท์ :   053-286730, 053-286728