ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรที่ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานนาม ‘อุทยานหลวงราชพฤกษ์’ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2553 เพื่อเป็นสวนของ..พ่อ อุทยานแห่งการเรียนรู้ขนาดใหญ่ พื้นที่ดำเนินงานกว่า 468 ไร่ แหล่งแหล่งเรียนรู้ให้กับเด็กเยาวชนและประชาชน เกี่ยวกับโครงการตามแนวพระราชดำริ โครงการหลวง การพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม ด้านศิลปวัฒนธรรม ประเพณี รวมทั้งให้บริการพื้นที่เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ความสัมพันธ์ในครอบครัว และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่
นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) บอกว่า เป็นความภาคภูมิใจที่สุดของนักวิจัยที่ทุ่มเททำงานสานต่อพระปณิธานกันมา จนวันนี้พร้อมเปิดตัว ‘ทรัมเป็ตสีเหลืองอ่อน’ ไม้ยืนต้นชนิดใหม่ของโลก ชูเอกลักษณ์โดดเด่น แปลกตา เพื่อเฉลิมฉลอง 15 ปี อุทยานหลวงราชพฤกษ์
พวกเราร่วมกันศึกษาและวิจัยพืชพรรณต่างๆ ในการรักษาไม้ยืนต้นและไม้ดอกกลุ่มสีที่มีอยู่ในอุทยานหลวงราชพฤกษ์เอาไว้ และปีนี้ผลสำเร็จก็พร้อมจะส่งต่อให้ประชาชนได้ชื่นชมความสวยงามของ..ดอกทรัมเป็ตสีเหลืองอ่อน ที่กำลังบานสะพรั่งท่ามกลางสายลมหนาวและไออุ่นของแสงแดดตลอดแนว..ลานราษฎร์รักบาท กว่า 500 ต้น ที่เป็นเส้นนำสายตาไปยังหอคำหลวงที่งามสง่าอยู่เบื้องหน้า
ด้วยความโดดเด่นของลำต้นและกิ่งก้านที่ตั้งตรง ช่วยชูให้กลีบดอกบางๆ ไล่เฉดสีเหลืองอ่อนๆ สวยสดุดตามากขึ้น ภายในไม่กี่ปีน่าจะกลายเป็นไม้เอกลักษณ์ที่สำคัญของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ได้ตามตั้งใจ เพราะดอกทรัมเป็ตสีเหลือง จะให้ดอกในช่วงกลางถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ต่อเนื่องไปจรดเดือนมีนาคม
“ความแตกต่างของไม้ชนิดใหม่ คือ มีสีเหลืองอ่อน ไส้มีสีม่วงแต่งแต้มนิดๆ เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีสีอมม่วงไล่เฉดไปจนเป็นสีขาว ก่อนที่จะร่วงโรยรา จากปกติของดอกทรัมเป็ตทั่วไปที่มักจะเจอว่ามีสีส้มเปลวไฟ ชมพู กำมะหยี่ แต่ของเราเป็นสีเหลืองอ่อนที่ไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน จึงเป็นชนิดใหม่ของโลก ขณะนี้อยู่ระหว่างจดทะเบียนเพื่อตั้งชื่อ ขยายพันธุ์ และศึกษาต่อไป”
ปัจจุบัน อุทยานหลวงราชพฤกษ์ คือ แหล่งรวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมาอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ได้ต่อยอดและรวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพทั้งทรัพยากรพรรณไม้นานาชนิดจำนวนมากกว่า 23,000 รายการ มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ได้รับรองมาตรฐานสวนพฤกษศาสตร์ระดับสากล BGCI Botanic Garden Accreditation จาก Botanical Gardens Conservation International: BGCI ซึ่งเป็นเครือข่ายการอนุรักษ์พันธุ์พืชที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้รับการรับรองมาตรฐานระดับที่ 3 ในการเป็นสวนพฤกษศาสตร์หรือสวนรุกขชาติที่มีมาตรฐานและดำเนินงานระดับมืออาชีพในด้านต่าง ๆ ของสวนรุกขชาติ (การวางแผนงาน การเข้าถึงโดยสาธารณะ การให้ศึกษาเรียนรู้ การดูแลปลูกเลี้ยง และการอนุรักษ์ไม้ต้น) จาก Arboretum Accreditation Program (ArbNet) ซึ่งเป็นเครือข่ายระดับนานาชาติของสวนรุกขชาติ
ล่าสุดคณะทำงานการจัดงานพืชสวนโลกในปี 2569 ภายใต้แนวคิด วิถีชีวิต สายน้ำ และพืชพรรณ ที่จังหวัดอุดรธานี บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำทุ่งหนองแด ประสานขอเข้ามาศึกษาวิธีการดูแล อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ซึ่งเคยเป็นสถานที่จัดงานพืชสวนโลกมาก่อนว่า ทำอย่างไรจึงรักษาไว้ได้อย่าง ‘สมบูรณ์’ เช่นนี้
นอกจากนี้อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเรียนรู้ธรรมชาติขนาดใหญ่ของประเทศที่มีมาตรฐานระดับนานาชาติ เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิตที่พร้อมให้นักเรียน เยาวชน และประชาชนได้เข้ามาเรียนรู้ถ่ายทอดผ่านกิจกรรมได้รับประสบการณ์และจุดประกายทางความคิดผ่านการลงมือทำที่หลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนรู้เกิดความเข้าใจและตระหนักถึงการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับรางวัลและได้รับรองมาตรฐานการเป็นแหล่งเรียนรู้แหล่งรวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพทั้งในระดับประเทศและนานาชาติอื่นๆ อีกมากมาย
และกำลังมุ่งสู่องค์กรที่มีความเป็นกลางทาง ‘คาร์บอน’ และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์อย่างยั่งยืนในปี 2570 เพื่อเป็นพื้นที่ต้นแบบการจัดการสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์อย่างยั่งยืน ได้การรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO) และการรับรองให้เป็นองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก ประจำปี 2567 (Climate Action Leading Organization: CALO) มีการดำเนินการด้านลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ทั้งการใช้รถรางไฟฟ้าสำหรับชมสวน รถไฟฟ้าเอนกประสงค์ เครื่องตัดหญ้า ตัดแต่งกิ่งไม้ไฟฟ้า การติดตั้งโซล่าเซลล์ การจัดการขยะ การผลิตและการใช้ประโยชน์จากปุ๋ยหมักและไบโอชาร์จากการตัดแต่งต้นไม้ การลดการใช้ทรัพยกรสำนักงาน รวมทั้งการเร่งศึกษาวิจัยการจัดการไม้ยืนต้นเพื่อเพิ่มศักยภาพการดูดกลับและการกักเก็บคาร์บอนในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ โดยประเมินการกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพของต้นไม้และพื้นที่สีเขียวจากต้นไม้มากว่า 11000 ต้น และเพิ่มพื้นที่ปลูกป่าชุมชนเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน กว่า 26 ไร่
ในปี 2568 นี้ อุทยานหลวงราชพฤกษ์เพิ่มจุดชมนิทรรศการและจุดชมสวนใหม่อยู่หลายจุดที่ใครมาแล้วต้องห้ามพลาด ในแต่ละช่วงฤดูร้อน เริ่มเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2568 อาทิ ถ้ำกล้วยไม้ ชมบรรยากาศของถ้ำโฉมใหม่ที่เต็มไปด้วยภาพวาดจิตรกรรมกล้วยไม้ไทย เช่น กล้วยไม้สายพันธุ์ต่างๆ ทั้งสายพันธุ์เอื้อง เอื้องสาย เอื้องสามปอย แวนด้าฟ้ามุ่ย ที่มีความแปลกตาไม่เหมือนใคร ทั้งการวาดแบบภาพ 3 มิติเสมือนจริง ที่ผู้เข้าชมได้จัดมุมถ่ายและยังมีความน่าค้นหาซ่อนอยู่ภายใน และยังมีห้องที่จำลองเป็นถ้ำเรืองแสงที่ให้ชมบรรยากาศยามค่ำคืนของธรรมชาติ เสมือนว่าเราอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์ยามค่ำคืน ก็จะมีแสงจากสิ่งมีชีวิตบินรอบๆ ตัวเรา เช่น ผีเสื้อกลางคืน หิ่งห้อย ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์
Bug World อาคารโลกแมลงที่ได้ปรับโฉมใหม่พร้อมให้ได้ค้นหาความมหัศจรรย์และศึกษาพฤติกรรมแปลกๆ ของแมลงหลากหลายชนิดทั้งในรูปแบบนิทรรศการและในรูปแบบสื่อมัลติมีเดีย โซนที่ได้ใกล้ชิดและสัมผัสความน่ารักของแมลงมีชีวิตท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ สนามเด็กเล่นพื้นที่สร้างสรรค์ที่เปิดโอกาสให้น้องๆ ได้สนุกสนานและเรียนรู้ผ่านเครื่องเล่นที่หลากหลาย ได้สัมผัสธรรมชาติ ใกล้ชิดทั้งพืช และดิน เสริมสร้างพัฒนาการและจินตนาการอย่างเต็มที่ พร้อมร้าน HRDI CAFE2 ร้านกาแฟใหม่สไตล์มินิมอลสีขาวที่โอบล้อมด้วยสนามหญ้าสีเขียว บรรยากาศริมน้ำสุดผ่อนคลาย ในโซน Indoor และ Outdoor นั่งจิบกาแฟจากเมล็ดกาแฟดีจากยอดดอยบนพื้นที่สูง พร้อมชมต้นกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า ต้นโกโก้ที่ได้ปลูกประดับรอบๆ
Sky Walk ชมวิวสวยๆ ฟินๆ แบบ 360 องศากับความสวยงามที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงฤดูแถมได้ความรู้เกี่ยวกับพรรณไม้ตลอดเส้นทางเดิน นักท่องเที่ยวสามารถเดินตั้งแต่ ‘เรือนร่มไม้’ ที่เต็มไปด้วยพรรณไม้หายากกว่า 400 สายพันธุ์ เชื่อมต่อทางเดินไปยังจุดชมวิวมุมสูง หรือจะนั่งพักผ่อนใจไปกับต้นไม้และวิวภูเขาสีเขียวขจี เซลฟี่มุมสูงกับแปลงรวบรวมสายพันธุ์กุหลาบและยังมีทางเดินเส้นทางใหม่ที่ทอดยาวลงมาจนถึงโดมกุหลาบที่รวบรวมสายพันธุ์กุหลาบถึงกว่า 200 สายพันธุ์ เดินชมป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง และทุ่งดอกไม้ที่สวนพรมบุปผา อีกทั้งยังมีสวนสมุนไพรที่จัดแสดงสมุนไพรท้องถิ่นและสมุนไพรจากต่างประเทศ
พืชทะเลทราย ที่รวบรวมพรรณพืชกลุ่มพืชทะเลทรายและไม้อวบน้ำไว้กว่า 1,500 ชนิด อาทิ อากาเว่เตกีล่า สับปะรดหนาม ยูโฟร์เบียเชิงเทียน จามาคารู อัลลูออเดีย แคคตัส ฯลฯ พร้อมมุมถ่ายรูปสวยๆ เสมือนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายในบรรยากาศสุดชิลล์
สวนนานาชาติประเทศภูฎาน นับว่าเป็นอีกหนึ่งสวนนานาชาติที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ซึ่งได้นำช่างฝีมือดีจากประเทศภูฏาน เข้ามาปรับปรุงสถาปัตยกรรมทำให้เกิดความมีเอกลักษณ์แบบต้นฉบับจากประเทศภูฏานโดยเฉพาะ ภายในจัดแสดงในบรรยากาศเน้นความสงบเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรม ความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรม นอกจากนี้ภายในยังมี ‘พระศรีศากยมุนี’ ช่วยในเรื่องสุขภาพ ไร้โรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก กษัตริย์ภูฏานให้ได้กราบสักการะขอพร
และสุดท้าย การชมไม้กลุ่มสี Highlights สำคัญ ในเดือนกุมภาพันธ์ ประดู่แดงสีสดใสทั้งต้น ซัลเวียสีม่วงเข้ม ดอกทิวลิป หลากสีสันกว่า 2,000 ต้น ไม่ว่าจะเป็นสีชมพูอ่อน ชมพูเข้ม ขาว เหลือง และสีส้ม เดือนมีนาคม กัลปพฤกษ์ ดอกสีชมพู-ขาว ฉายาซากุระเมืองไทย เหลืองอินเดีย ดอกสีเหลือง ทรัมเป็ตสายพันธุ์ใหม่ เฉดสีเหลือง-ม่วง เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2568 อินทนิล ดอกสีม่วง-ขาว ราชพฤกษ์และคูนขาว และหางนกยูงฝรั่ง พร้อมกิจกรรมเสริมแสนสนุกในแต่ละช่วง
อยากชวนมาดูความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ตลอดปีที่..อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเปิดให้เข้าชมสวนทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00 – 18.00 น.