ท่ามกลางขุนเขาอันสลับซับซ้อน ยามคํ่าคืนในเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบอย่าง “แม่ฮ่องสอน” ดวงไฟเล็ก ๆ มากมายที่ประดับประดาอยู่รอบ ๆ องค์เจดีย์ตามลักษณะศิลปะแบบไทยใหญ่ของวัดคู่แฝด “วัดจองคำ” และ “วัดจองกลาง” สะท้อนแสงราวกับภาพฝันอยู่ริมหนองจองคำ เป็นภาพที่ผู้คนต่างคุ้นเคย

แต่อีกไม่กี่วันนี้แม่ฮ่องสอนกำลังจะเผยความงดงามของแสงไฟที่จะมาแต่งแต้มสีสันในคืนอันมืดมิดในรูปแบบที่แตกต่างและเพิ่มเติมมากกว่าเดิม เพื่อบอกเล่าตัวตนอันงดงามของเมืองด้วยบรรยากาศแสงไฟที่ลุ่มหลงชวนฝันในงาน วิจิตร@แม่ฮ่องสอน “เมืองแสงสิเนหา” กับ 10 จุดแสดงแสงทั่วเมืองแม่ฮ่องสอนที่จะฉายแสงบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิต ตัวตน ผู้คน วัฒนธรรม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

เริ่มด้วย “ยินดีที่ได้รู้จัก” ณ ประตูเมืองแม่ฮ่องสอน ประตูที่แสดงถึงสัญลักษณ์ของการเข้าเขตเมืองแม่ฮ่องสอน สิ้นสุดการเดินทางนับพันโค้งสู่พื้นที่ราบ ต้อนรับและส่งอำลานักท่องเที่ยวผู้มาเยือน ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมไทใหญ่ที่โดดเด่นแปลกตา

ถัดมาคือ “มิติของตัวตน” ณ ศูนย์ออกกำลังกายเทศบาลแม่ฮ่องสอน สถานที่ที่ตอบโจทย์สำหรับคนรักสุขภาพและผู้ที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแม่ฮ่องสอน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเยาวชน ผู้สูงอายุ หรือบุคคลทั่วไป


“ห้วงเวลาแห่งความทรงจำ” ณ หอนาฬิกาแม่ฮ่องสอน สัญลักษณ์แห่งกาลเวลาและวัฒนธรรม หนึ่งในสถานที่สำคัญและโดดเด่นใจกลางเมือง ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นจุดสำคัญทางภูมิศาสตร์ของเมืองแม่ฮ่องสอน แต่ยังเป็นสถานที่ที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ หอนาฬิกาถูกสร้างขึ้นในสไตล์ล้านนา ผสมผสานกับวัฒนธรรมของชาวไทยใหญ่ ในช่วงเย็นและกลางคืนหอนาฬิกาจะสว่างไสวด้วยแสงไฟที่ตกแต่งอย่างประณีต ทำให้กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว


“แสงแห่งคุโณปการ” ณ อนุสาวรีย์พญาสิงหนาทราชา อนุสาวรีย์ของเจ้าเมืององค์แรกผู้สร้างเมืองแม่ฮ่องสอน รอบบริเวณได้รับการประดับตกแต่งสวนอย่างสวยงาม เพื่อให้ประชาชนทั่วไป ตลอดจนลูกหลานชาวแม่ฮ่องสอนเข้ามากราบสักการะ นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่คุณสามารถมองเห็นพระธาตุดอยกองมูได้อย่างถนัดตาอีกด้วย


“คู่รักนิรันดร” กับ สิงห์คู่วัดพระนอน ที่อยู่บริเวณเชิงเขาทางขึ้นวัดพระธาตุดอยกองมู ชื่อวัดตั้งให้เหมาะสมกับการที่มีองค์พระนอนที่ใหญ่ที่สุดของแม่ฮ่องสอน ที่ประดิษฐานอยู่ในศาลาการเปรียญ (วิหาร) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2418 โดยพระยาสิงหนาทราชา ส่วนสิงห์คู่เมืองแม่ฮ่องสอน สร้างโดยเจ้านางเมียะ พระชายาของพระยาสิงหนาทราชา ซึ่งเป็นเจ้าเมืองคนที่สองของแม่ฮ่องสอน เมื่อราวปี พ.ศ. 2430 เพื่อเป็นที่ระลึกพระยาสิงหนาทราชา


“บัวตองยอมราตรี” ณ สำนักงานเหล่ากาชาดแม่ฮ่องสอน องค์กรสำคัญที่ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่แม่ฮ่องสอน มีภารกิจหลักในการสนับสนุนด้านสาธารณสุขและสังคมสงเคราะห์ รวมถึงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ด้วยภูมิประเทศที่เป็นภูเขาและพื้นที่ห่างไกล เหล่ากาชาดจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงและช่วยเหลือชุมชนทุรกันดาร โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น อุทกภัย ดินถล่ม และภัยหนาว


“ดวงใจแม่ฮ่องสอน” ณ วัดหัวเวียง อาคารวิหารไม้ มีเรือนยอดแบบปราสาทซ้อนกันหลายชั้นตามศิลปะไทยใหญ่ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระมหามัยมุนีจำลอง เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย เป็นพระพุทธรูปที่สวยงามศิลปะไทยใหญ่ แบบทรงเครื่องขัดสมาธิเพชรปางมารวิชัย ทรงเทริด ศิราภรณ์ สังวาล อินทนิล โดยลุงจองโพหย่า ได้ไปจำลองมาจากเมืองอมรปุระ หล่อจากทองเหลือง หล่อเป็นส่วน ๆ แยกได้ 9 ส่วน นํ้าหนัก 999 กิโลกรัม อัญเชิญมาจากเมียนมาล่องมาทางแม่นํ้าปาย แล้วนำไปประกอบองค์พระที่วัดพระนอน ก่อนจะอัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดหัวเวียง โดยจะกระทำพิธีสรงนํ้าพระพักตร์หรือล้างหน้าพระเจ้าพาราละแข่งอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง


“ลานสนามหวาน” ณ สวนสาธารณะหนองจองคำ ใจกลางอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน บึงนํ้าขนาดใหญ่ ที่มีวัด และถนนอยู่รอบหนอง มีพื้นที่ส่วนหนึ่งจัดให้เป็นสวนสาธารณะสำหรับนั่งพักผ่อน มีศาลาไว้ให้ร่มเงา ในตอนเย็นหลังจากซื้ออาหาร หรือข้าวของจากถนนคนเดิน ก็สามารถมาแวะพักนั่งทานหรือนั่งพักผ่อนได้


“ประสานแสงศรัทธา” ณ วัดจองคำ พระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ จากหลักฐานแผ่นเงินที่ขุดได้บริเวณหลุ่มเสาเดิมของวัดระบุว่า สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2370 โดยพระยาสิงหนาทราชา ในขณะที่บางตำรา กล่าวว่าวัดนี้อาจมีมาก่อนตั้งเมืองแม่ฮ่องสอน ภายในมีศาลาการเปรียญ วิหารหลวงพ่อโต เป็นอาคารทรงตรีมุขหลังคาทรงปราสาทแบบไทยใหญ่ผสมฝรั่ง ประดิษฐานหลวงพ่อโต พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดของแม่ฮ่องสอน

และจุดสุดท้าย “สะพานเชื่อมมิตร” สะพานข้ามลำธารลำนํ้าแม่ฮ่องสอน หนึ่งในสถานที่ปรับปรุงภูมิทัศน์ เพื่อความร่มรื่น และปลอดภัย ตามนโยบายสำคัญของผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่มุ่งเน้นให้แม่ฮ่องสอนเป็นเมืองสะอาด น่าอยู่ และผู้คนน่ารัก นักท่องเที่ยวสามารถเดินพักผ่อน ออกกำลังกาย และชื่นชมธรรมชาติได้ตลอดเส้นทาง

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนนักท่องเที่ยวมาต้องมนต์สิเนหากับบรรยากาศแห่งความสุขยามคํ่าคืน ของวิจิตรแม่ฮ่องสอนวิมานแห่งสายหมอก 21-29 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. โดยในวันที่ 20 กันยายน จะมีพิธีเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน และงานวิจิตร@แม่ฮ่องสอน “เมืองแสงสิเนหา” มีการจัดรถรางนำเที่ยว (Night Tram) ชมจุดแสดงแสงสีทั้ง 10 จุด ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ มี 2 รอบเวลา 19.00 น., 20.00 น. วันธรรมดามีวันละ 1 รอบ เวลา 19.30 น. และเปิดถนนคนเดินแม่ฮ่องสอนรอบพิเศษ.